ร้านนฤมลเภสัช
ได้จัดทำเวปนี้ขึ้นเพื่อเป็นสื่อในการให้ความรู้เกี่ยวกับ ยา

วิธีการใช้ ต่างๆ รวมถึงในเรื่องการดูแลสุขภาพ

และขอเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ ของชมรมร้านขายยาจังหวัดลำปาง

และรวบรวมสาระน่ารู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

เว็บสุขภาพ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี

ข้อความ

พร้อมที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข

เพื่อต้องการให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี

ร้านนฤมลเภสัช
ได้จัดทำเวปนี้ขึ้นเพื่อเป็นสื่อในการให้ความรู้เกี่ยวกับ ยา

วิธีการใช้ ต่างๆ รวมถึงในเรื่องการดูแลสุขภาพ

และขอเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ ของชมรมร้านขายยาจังหวัดลำปาง

และรวบรวมสาระน่ารู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

เว็บสุขภาพ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี

ข้อความ

พร้อมที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข

เพื่อต้องการให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี





ร้านนฤมลเภสัช
ได้จัดทำเวปนี้ขึ้นเพื่อเป็นสื่อในการให้ความรู้เกี่ยวกับ ยา วิธีการใช้ ต่างๆ รวมถึงในเรื่องการดูแลสุขภาพ และขอเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ ของชมรมร้านขายยาจังหวัดลำปาง และรวบรวมสาระน่ารู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เว็บสุขภาพ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี พร้อมที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข

ประโยชน์ของวิตตามิน

หลายต่อหลาย ไม่ค่อยจะรู้เท่าไหร่ว่าอาหาร หรือวิตตามินที่เรากินเข้าไปมันมีสรรพคุณอะไรกันบ้าง ได้แต่กินอย่างเดียว อย่าง วิตตามิน A เราก็จะรู้แค่ว่า มันช่วยบำรุงสายตา แต่ความจริงมันมีความกว่านั้น วันนี้ปุ๊กเลยเอามาให้อ่านกัน เผื่อมีเพื่อน ๆ คนไหนที่ยังไม่ทราบ ประโยชน์ของวิตตามินชนิดต่าง ๆ

วิตามินและแร่ธาตุผู้พิทักษ์ผิว

ในอาหารมากมาย ทั้งผักสด ผลไม้ เนื้อสัตว์ และธัญพืช เป็นแหล่งสำคัญของสารอาหาร ที่ผิวต้องการ มาติดตามกันว่าแต่ละชนิดนั้นมีบทบาทในการดูแลผิวของคุณให้แข็งแรง มีสุขภาพดีอย่างไร

วิตามิน A
1. บำรุงผิวให้แข็งแรง
2. ป้องกันสิว
3. ลดการสร้างไขมันส่วนเกิน
4. จำเป็นต่อการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
5. เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ของผิวในการกำจัดพิษต่างๆ
6. ถ้าขาดวิตามิน A จะทำให้ผิวหยาบกร้าน

วิตามิน B complex
1. ช่วยดูแลซ่อมแซมสุขภาพและสีผิว
2. ถ้าขาดวิามินนี้ จะทำให้ผมและขนหยาบด้านไม่มีชีวิตชีวาผิวหนังแห้ง และเกิดสิว
3. ไธอามีน (วิตามิน B1) เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ และช่วยให้การผลัดผิวมีประสิทธิภาพขึ้น
4. ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2) เป็นสารบำรุงเส้นผม เล็บ และผิวหนัง
5. แพนโทเทนิค แอซิด (วิตามิน B5) ช่วยต้านความเครียดที่จะทำให้ผิวหม่นหมอง

วิตามิน C
1. เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
2. จำเป็นต่อระบบเมตาบอลิซึมของร่างกาย
3. เมื่อรับประทานร่วมกับวิตามิน E จะช่วยเพิ่มพลังในการปกป้องผิวจากแสงแดด
4. ต้านความเครียด และเพิ่มภูมิต้านทานของผิว

วิตามิน D
1. ส่งเสริมให้ผิวหายใจได้ดียิ่งขึ้น ดูสดใสเปล่งปลั่ง
2. ต้านความเครียด โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคเรื้อนกวาง เชื้อรา และสิว เป็นต้น

วิตามิน E
1. แอนตี้ออกซิแตนท์ รักษาและซ่อมแซมเนื้อเยื่อของร่างกาย
2. ชะลอความชราของผิว
3. ปกป้องการถูกทำลายของเซลล์ผิวหนัง

ไบโอติน
1. บำรุงผิวหนัง เส้นผม และเล็บให้แข็งแรง
2. ถ้าขาดไบโอติน ผิวจะแห้งและซีด ไม่สดใส

โครเมี่ยม
1. ช่วยต้านทานการติดเชื้อของผิวหนัง

สังกะสี
1. ช่วยเยียวยาเนื้อเยื่อของร่างกาย
2. ช่วยป้องกันรอยแผลเป็น
3. ควบคุมการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง
4. เสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
5. ช่วยให้แผลหายเร็ว

สุดยอดอาหาร . . บำรุงสมอง

6 สุดยอดอาหารบำรุงสมอง
ยากให้อาหารสมองบ้างมั้ย? มีอาหารหลายอย่างที่เป็นตัวช่วยเราได้ ใช้งานสมองมาหนักก็ต้องดูแลกันหน่อยนะคะ

ปลาทะเลน้ำลึก อย่างปลาแซลมอน : รู้หรือเปล่า? สมองมีไขมันเป็นส่วนประกอบมากกว่า 60%เชียวนะคะ ซึ่งมันหมายความว่าเราต้องการไขมันชั้นดีอย่างโอเมก้า 3 นั่นเองค่ะ

แครนเบอร์รี่ : จากการศึกษาพบว่าสารในแครนเบอร์รี่ช่วยต่อต้านอาการป่วยเรื้อรังของสมอง อย่างอาการความจำเสื่อม

ขมิ้น : เครื่องเทศสำคัญที่เอาไว้ใส่ในแกงกะหรี่แสนอร่อยนี่ล่ะค่ะ สีเหลืองของมันช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ(ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ความจำเสื่อมได้)

ข้าวไม่ขัดสี : ข้าวกล้องดีต่อสุขภาพเสมอ นอกจากข้าวกล้องจะเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีแล้ว ยังให้โปรตีนที่ผลิตกรดอะมิโนที่เป็นตัวส่งสารอาหารไปยังสมองด้วย

สตรอเบอร์รี่ : จากการทดลองให้สตรอเบอร์รี่กับหนูที่อายุมาก พบว่ามันช่วยพัฒนาทั้งประสิทธิภาพในการเรียนรู้และประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อสมอง

ผักขม : ช่วยชะลอปัญหาในเรื่องประสิทธิภาพของสมองส่วนกลาง และการรับรู้ที่เสื่อมลงไปตามวัย สลัดผักขมสักชามให้โฟเลทสูงด้วยนะคะ

อาหารบำรุงสมอง

สมองมนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างให้กับเราทุกคน สมองเป็นศูนย์สั่งการทุกอย่างของร่างกายและจิตใจ ซึ่งความสามารถของสมองแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยคือ ความสมบูรณ์ของสมอง กรรมพันธุ์ และการฝึกฝน


ความสมบูรณ์ของสมองเริ่มตั้งแต่เป็นทารกในครรภ์ และพัฒนาขึ้นจนเติบใหญ่ ซึ่งอาหารที่รับประทานเข้าไปจะมีผลอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของสมอง เมื่อเราอายุมากขึ้น อัตราการแบ่งตัวของเซลล์จะเริ่มลดลง ซึ่งรวมถึงเซลล์ประสาทด้วย การสร้างสารสื่อประสาทต่าง ๆ ก็จะลดลง ทำให้ผู้สูงอายุมักจะมีปัญหาเรื่องความจำเสื่อมหลงลืมได้ง่าย

ส่วนอวัยวะและกล้ามเนื้อต่าง ๆ ย่อมเสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งรวมถึงระบบการย่อยอาหาร ตัวอย่างเช่น การหลั่งเอนไซม์ที่ใช้ย่อยอาหารจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น อันอาจจะทำให้กาดูดซึมสารอาหารบางตัว เช่น ธาตุเหล็ก หรือวิตามินบี 12 ลดน้อยลง นอกจากนี้การรับรสของผู้สูงอายุจะเปลี่ยนไป รวมถึงฟันที่เสื่อมลงจะทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเบื่ออาหารและรับประทานอาหารน้อยลง ส่งผลให้ผู้สูงอายุมักจะขาดสารอาหารที่จำเป็นในร่างกายได้

สารอาหารที่รับประทานเข้าไปจะมีผลต่อการทำงานของสมอง ตัวอย่างเช่น กรดไขมันจะถูกใช้ในการสร้างเซลล์ประสาทที่ช่วยในการรับรู้ กรดอะมิโนจากโปรตีนจะถูกใช้ในการสร้างสารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทแต่ละเซลล์ กลูโคสจากอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตจะเป็นเชื้อเพลิงให้แก่สมองในการสร้างพลังงาน ส่วนสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ได้จากผักและผลไม้ จะช่วยป้องกันเซลล์สมองจากการถูกทำลายได้ ตัวอย่างวิตามินและสารอาหารที่มีความสำคัญต่อสมอง ได้แก่

วิตามินบี 1 (Thiamine)
มีความสำคัญต่อเซลล์สมองในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้ได้พลังงาน

วิตามินบี 5 (Pantothenic acid)
เป็นโคเอนไซม์ที่ช่วยในการทำงานของสารสื่อประสาท

วิตามินบี 6 (Pyridoxine)
มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท ช่วยในการสร้างสารเซโรโตนิน (Serotonin) ที่ช่วยทำให้อารมณ์ดี ความจำดี

วิตามินบี 12 และโพลิคแอซิด
มีความสำคัญต่อการทำงานของสารสื่อประสาท ซึ่งจากงานวิจัยในวารสารทางโภชนาการระบุว่าการได้รับวิตามินบี 12 และโฟลิคแอซิดอย่างเพียงพอ จะช่วยลดอาการความจำเสื่อมได้

วิตามินซี
ช่วยการในดูดซึมธาตุเหล็ก การขาดวิตามินซีจะทำให้อ่อนเพลียและเกิดอาการซึมเศร้าได้

แคลเซียมและแมกนีเซียม
มีความจำเป็นต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งต้องทำงานคู่กันจึงจะได้ผลดีที่สุด

เซเลเนียม (Selenium)
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น

กรดไขมัน DHA
จากการวิจัยทางยุโรปพบว่า การรับประทานปลามาก ๆ ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมัน DHA จะช่วยป้องกันอาการหลงลืมได้

นอกจากนี้จากงานวิจัยหลายแห่งชี้ให้เห็นว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาขาดสารอาหาร ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาในการรับประทานอาหาร เช่น การเคี้ยว เบื่ออาหาร ทำให้การแนะนำว่าผู้สูงอายุควรได้รับวิตามินหรืออาหารเสริมเพิ่มเติมเพื่อช่วยชะลอภาวะเสื่อมของสมอง แต่ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคนด้วย เช่น โรคประจำตัว ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเริ่มรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริม